"ตากระตุก หน้ากระตุก" คุณเคยเป็นอาการแบบนี้หรือไม่ ทราบหรือไม่ว่าอาการกระตุกบนใบหน้าเกิดจากสาเหตุอะไร วันนี้เราจะมาทราบถึงสาเหตุของอาการเหล่านี้กันค่ะ 
โรคกล้ามเนื้อใบหน้ากระตุกนั้นสามารถแบ่งออกได้เป็นหลายประเภท ดังนี้
- ตากระตุกหรือตาเขม่น เป็นภาวะที่มีการกระตุกของกล้ามเนื้อกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งเพียงกลุ่มเดียว เช่น ใต้หนังตา มุมปากหรือ เฉพาะกล้ามเนื้อรอบลูกตาข้างใดข้างหนึ่งเท่านั้น ภาวะนี้ในบางรายอาจเกิดเป็นประจำ จนอาจติดเป็นนิสัยได้ มักจะมีอาการกระตุกมากเวลาเครียดหรือกังวลใจ รวมทั้งการพักผ่อนไม่เพียงพอก็อาจก่อให้เกิดอาการตาเขม่นได้บ่อย ๆ และถ้าได้รับการพักผ่อนที่เพียงพออาการเหล่านี้ก็จะหายได้เอง 
- ตากระพริบค้าง( Blepharospasm)ภาวะนี้ถือว่าเป็นการเคลื่อนไหวผิดปกติของร่างกายที่เรียกว่า ดีย์สโทเนีย (Dystonia) ผู้ป่วยจะมีตากะพริบทั้งสองข้างพร้อมๆ กัน ซึ่งเป็นผลมาจากกล้ามเนื้อรอบลูกตาหดเกร็งตัวตลอดเวลา ในผู้ป่วยกลุ่มนี้เราสามารถแบ่งเป็น 2 ลักษณะใหญ่ ๆ คือ กระพริบตาถี่ ๆ หรือกระพริบตาปิดค้างและลืมตาไม่ขึ้น 
- ใบหน้ากระตุกครึ่งซีก( Hemifacial spasm)ภาวะนี้เป็นความเคลื่อนไหวผิดปกติที่พบบ่อยในคนไทย โดยจะพบว่ากล้ามเนื้อใบหน้าทั้งซีกที่เลี้ยงด้วยประสาทสมองคู่ที่ 7 จะมีการกระตุกถี่ ๆ และเกร็งค้าง อาการของโรคนี้จะก่อให้เกิดความรำคาญและทำให้ผู้ป่วยอายไม่กล้าเข้าสังคม ซึ่งเป็นโรคที่ไม่รุนแรงแต่รักษาไม่หาย อาการกระตุกจะเป็นมากขึ้นเมื่อผู้ป่วยตื่นเต้น ตกใจ หรือกังวล 
- อาการหดเกร็งตัวของกล้ามเนื้อใบหน้าบริเวณตรงกลางทั้งหมด( Meige Syndrome)ซึ่งจะประกอบด้วยอาการตากระพริบค้างร่วมกับการเคลื่อนไหวผิดปกติของปาก จมูกและคิ้วร่วมด้วย กลุ่มอาการนี้ถือว่าเป็นการเคลื่อนไหวผิดปกติชนิดดีย์สโทเนีย
- การเคลื่อนไหวผิดปกติของกล้ามเนื้อบริเวณรอบปาก คางและลิ้น (Orofacial Dyskinesia)จะมีผลทำให้เกิดการเคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลาของปาก คาง และลิ้น ภาวะนี้ส่วนมากเกิดจากการแพ้ยากลุ่มยากล่อมประสาทหลัก หรือยากลุ่มที่ใช้รักษาโรคพาร์กินสัน ซึ่งโดยมากมักจะพบในผู้สูงอายุ - การรักษา ผู้ป่วยในโรคนี้ คือ การใช้สารโบทูลินัม 10 ทอกซินฉีดเข้าไปในร่างกาย ซึ่งจะรักษาโรคได้เพียงชั่วคราว ประมาณ 2-4 เดือน และผู้ป่วยจำเป็นต้องกลับมารับการรักษาซ้ำ วิธีการฉีดนี้เป็นวิธีที่ปลอดภัย และยังได้ผลดีขึ้นถึง 70-75 % ไม่เสี่ยงต่อชีวิตของผู้ป่วย เหมือนการผ่าตัด แต่ก็มีข้อจำกัดในการรักษาด้วยสารโบทูลินัม เอ ทอกซิน คือ มีราคาแพง ฤทธิ์ของยาอยู่ได้เพียงชั่วคราวต้องกลับมาฉีดซ้ำอีก และมีผลแทรกซ้อนของการฉีด ได้แก่ ตาแห้ง น้ำตาไหลเยอะ หนังตาตก ตาสู้แสงไม่ได้ เห็นภาพซ้อน เลือดออกบริเวณที่ฉีด ปากเบี้ยว ฝืดคอ และมีผื่นตามลำตัว แต่อาการทั้งหมดจะเป็นเพียงชั่วคราวแล้วจะค่อย ๆ หายเอง
ไม่ว่าคุณจะมีอายุเท่าไร โรคต่าง ๆ ก็สามารถถามหาคุณได้ ก่อนที่อะไรจะสายเกินแก้หันมาใส่ใจ ดูแล รักษาสุขภาพของเราให้แข็งแรงตลอดไปกันดีกว่า เพียงแค่ตรวจร่างกายประจำปีอย่างสม่ำเสมอ ออกกำลังกาย รับประทานอาหารที่เป็นประโยชน์ และพักผ่อนให้เพียงพอ เท่านี้คุณก็มีร่างกายที่แข็งแรงไปอีกนานค่ะ

ด้วยความปรารถนาดีจากโรงพยาบาลสำโรงการแพทย์