"กล้วย" ผลไม้ไทย ๆ ของเรานี่แหละใช้เป็นยาป้องกันและรักษาโรคได้หลายโรค และยังเป็นอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง มีสารอาหารครบทุกชนิดที่ร่างกายต้องการ คือมีทั้ง โปรตีน คาร์โบไฮเดรต ไขมัน เกลือแร่ วิตามิน และน้ำ โดยเฉพาะกล้วยน้ำว้าเป็นผลไม้ที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง และยังมีคุณสมบัติที่ย่อยง่าย ทางการแพทย์จึงได้เลือกให้กล้วยน้ำว้าสุกเป็นอาหารเสริมในวัยทารก
น้ำตาลที่เกิดขึ้นจากขบวนการเปลี่ยนแปลงของแป้ง ขณะที่กล้วยสุกก็มีคุณสมบัติพิเศษ คือ เมื่อกล้วยตกไปถึงลำไส้จะทำให้ลำไส้มีฤทธิ์เป็นกรด ซึ่งจะเป็นตัวช่วยให้แคลเซียมถูกดูดซึมง่ายและสมบูรณ์ขึ้น จึงนับว่าน้ำตาลในกล้วยมีคุณค่ากว่าน้ำตาลที่ได้จากธัญพืชอื่น ๆ
สารอาหารโปรตีนที่มีอยู่ในกล้วยน้ำว้า เป็นโปรตีนที่มีกรดอะมิโนที่จำเป็นสำหรับเราอยู่หลายชนิด โดยเฉพาะมีกรดอะมิโนที่มีชื่อว่า อาร์จินิน และ ฮีสติดีน ซึ่งกรดอะมิโนทั้ง 2 ตัวนี้ เป็นกรดอะมิโนที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของทารก
นอกจากโปรตีนและคาร์โบไฮเดรตแล้ว ในกล้วยแต่ละชนิดยังมีไขมันแม้จะอยู่ในปริมาณที่น้อยก็ตาม
กล้วยแต่ละชนิดจะให้โปรตีน คาร์โบไฮเดรต และไขมัน ในปริมาณที่แตกต่างกัน 
ส่วนวิตามินนั้น มองดูผิวเผิน กล้วยแต่ละชนิดสีขาวๆ ทั้งนั้นไม่น่าจะให้วิตามินเอเลย แต่ในกล้วยก็มีวิตามินเออยู่ด้วย แม้จะไม่มากเท่าวิตามินเอที่ได้จากมะละกอหรือมะม่วงสุก แต่ก็มีวิตามินเอมากกว่าผลไม้อีกหลาย ๆ ชนิด เช่น ชมพู่ ส้มโอ น้อยหน่า เป็นต้น ในบรรดากล้วยทุกชนิดนั้น กล้วยน้ำว้าจะมีวิตามินเอมากกว่าเพื่อน สำหรับวิตามินตัวอื่น กล้วยก็มีอยู่ครบทุกชนิดเช่นกัน ทั้งวิตามินบี 1 วิตามินบี 2 วิตามินซี และไนอะซิน
นอกจากนี้กล้วยยังมีสรรพคุณอีกหลายชนิด ช่วยเร่งต่อต้านสารอนุมูลอิสระ ช่วยชะลอความแก่ ป้องกันการเกิดมะเร็ง มีเอนไซม์ที่ช่วยย่อยอาหารทำให้กระเพาะอาหารทำงานได้ดีขึ้น จริงๆแล้วเราสามารถทานกล้วยได้ตลอดทั้งวันไม่จำเป็นต้องทานเฉพาะมื้อเช้าเพียงอย่างเดียว ด้วยชีวิตที่เร่งรีบในปัจจุบัน ทำให้คนเราไม่ค่อยมีเวลาทานอาหารเช้า การทานกล้วยน่าจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดเพราะย่อยง่ายไม่ทำให้อึดอัด กล้วยยังสามารถดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้ดี
และสำหรับคนที่มีอาการท้องผูกแนะนำให้การทานกล้วยเป็นประจำจะช่วยเรื่องท้องผูกได้ และสำหรับคนที่ต้องการลดน้ำหนักแนะนำให้ทานเป็นประจำเพราะได้คุณค่าทางสารอาหารครบถ้วนและดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้ดี

ด้วยความปรารถนาดี จากโรงพยาบาลสำโรงการแพทย์