รากฟันเทียม (Implants)

คือ รากฟันที่ทำจากโลหะ เพื่อใช้ทดแทนส่วนที่เป็นรากฟันของฟันธรรมชาติ ที่สูญเสียไป โดยรากฟันเทียมนี้จะดูเหมือนและให้ความรู้สึกใกล้เคียงฟันธรรมชาติที่สุด เมื่อจำแนกโดยดูจากกระบวนการแล้ว การปลูกรากฟันเทียมจัดเป็นศาสตร์ทางด้านทันตกรรมประดิษฐ์ และยังถือว่าเป็นการทันตกรรมเพื่อความงามได้เช่นกัน

ประโยชน์ของรากฟันเทียม

  1. การใส่รากฟันเทียมในตำแหน่งของฟันหน้าที่ถอนออกไปจะช่วยเพิ่มความสวยงาม โดยรากเทียมจะช่วยรักษาความนูนของกระดูกไว้ ทำให้ดูเป็นธรรมชาติมากกว่า การใส่ฟันชนิดอื่นที่สันกระดูกจะมีการยุบตัว

  2. ไม่เสียเนื้อฟันข้างเคียงเหมือนกับการทำฟันปลอมติดแน่นชนิดสะพานฟัน (Bridge)

  3. กรณีที่มีสันเหงือกว่างเนื่องจากการถอนฟัน 2-3 ซี่ และไม่มีฟันหลักด้านหลัง สามารถทำรากเทียมเพื่อใส่ฟันชนิดติดแน่นแทนการใส่ฟันปลอมชนิดถอดได้

  4. ในกรณีของการใส่ฟันปลอมทั้งปาก สามารถใส่รากเทียมเพื่อช่วยในการยึดฟันปลอมชนิดถอดได้ให้แน่นขึ้น ไม่ขยับไปมา หมดกังวลเรื่องฟันปลอมหลวมขณะใช้งาน อาการกดเจ็บเพราะฟันปลอมลดลง ทำให้สามารถบดเคี้ยวอาหารได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

ข้อดีของรากฟันเทียม

1.เป็นฟันแท้ชุดที่ 2 ทดแทนฟันแท้ที่เสียไป

2.รากฟันเทียมไม่ผุไม่เหมือนฟันแท้ที่ผุได้

3.เคี้ยวได้เหมือนฟันธรรมชาติ,รับแรงบดเคี้ยวได้ดีเท่าฟันธรรมชาติ

4.กรณีใส่ฟันปลอมทั้งปาก รากฟันเทียมช่วยยึดฟันปลอมให้แน่นอยู่กับที่ได้

5.เฉพาะส่วนของรากฟันเทียม มีอายุการใช้งานยาวนานมากกว่า 10 ปี (ขึ้นอยู่กับการดูแลรักษา)

6.เวลาเคี้ยวไม่เจ็บ หรือไม่รู้สึกไม่สบาย เหมือนกับการใส่ฟันปลอมแบบถอดได้

7.ทดแทนฟันที่สูญเสียไป โดยไม่ต้องกรอแต่งฟันข้างเคียงเหมือนสะพานฟันติดแน่น

ขั้นตอนการทำรากฟันเทียม

  1. ทันตแพทย์ทำการตรวจ X-Ray ประเมินความหนาของ soft tissue ที่อยู่บนสันเหงือก จากนั้นก็จะผ่าตัดและฝังตัวรากฟันเทียมที่ผลิตมาจากแท่งไทเทเนียมบริสุทธิ์ลงไปในกระดูก เย็บปิดปากแผล หลังจากนั้น 7 วัน ทันตแพทย์จะนัดตัดไหมที่เย็บออก และให้คนไข้รอเวลา เพื่อให้รากฟันเทียมยึดติดกับกระดูกขากรรไกรได้ดี สำหรับฟันบน ใช้เวลาประมาณ 3-6 เดือน และ 2-3 เดือน สำหรับฟันล่าง

  2. เมื่อรากฟันเทียมยึดติดกับกระดูกขากรรไกรดีแล้ว ทันตแพทย์จะทำการต่อเดือยรองรับครอบฟัน (Abutment) เพื่อใช้เป็นที่รองรับครอบฟัน และพิมพ์ปากเพื่อส่งให้ Lab ทำครอบฟัน โดยครอบฟันนั้นทำมาจากวัสดุเซรามิค (porcelain)

  3. หลังจากนั้นประมาณ 1-4 สัปดาห์ ทันตแพทย์จะใส่ครอบฟันให้ ซึ่งจะมีรูปร่างลักษณะ และสีสวยงามเหมือนฟันธรรมชาติ และ ทำหน้าที่ในการบดเคี้ยวได้ใกล้เคียงฟันธรรมชาติมาก

  4. ทันตแพทย์จะนัดตรวจเช็คอีก 1 เดือน 2 เดือน และ 6 เดือน เพื่อตรวจดูประสิทธิภาพในการบดเคี้ยวให้ใกล้เคียงกับฟันธรรมชาติ สามารถรับประทานอาหารได้ทุกชนิด ทำความสะอาดได้ง่าย



การดูแลรักษารากฟันเทียม

  1. ดูแลปกติเหมือนกับฟันธรรมชาติที่เรามีแม้ว่ารากฟันเทียมอาจไม่กลัวเรื่องฟันผุเลย เพราะทำมาจากโลหะแต่ถึงกระนั้นก็ตาม ก็ยังต้องระวังเหมือนการดูแลในฟันธรรมชาติคือโรคเหงือกอักเสบเพราะถ้าดูแลไม่ถูกต้องจนเป็นโรคเหงือกอักเสบเรื้อรังส่งผลให้กระดูกรองรับรากฟันละลายทำให้ขาดกระดูกรองรับรากฟันที่เพียงพอ ผลสุดท้ายก็จะทำให้ฟันซี่นั้นๆ ที่มีรากเทียมรองรับโยก และเกิดการสูญเสียไปในที่สุด

  2. ควรจะไปพบทันตแพทย์เพื่อตรวจเช็คฟัน และรากฟันเทียม ทุกๆ 6 เดือน

  3. ไม่ควรสูบบุหรี่ เพราะคราบบุหรี่ที่ไปเกาะที่รากเทียม อาจทำให้กระดูกที่อยู่รอบๆรากฟันเทียมเกิดการอักเสบ กระดูกละลาย สุดท้ายรากเทียมจะโยก และมีโอกาสหลุดได้


โรงพยาบาลสำโรงการแพทย์ มีทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านทันตกรรมรากฟันเทียม ที่ให้บริการตรวจรักษาและให้คำปรึกษาแก่ท่านที่สนใจ วัสดุ อุปกรณ์ และเครื่องมือต่างๆ ที่ทันสมัยในการให้บริการ ตลอดจนให้ความสำคัญในเรื่องของความสะอาด โดยการใช้เครื่องมือที่ผ่านการฆ่าเชื้อที่ได้มาตรฐาน โดยคำนึงผลประโยชน์สูงสุดของผู้รับบริการเป็นสำคัญท่านสามารถสอบถามรายละเอียดได้ที่แผนกผู้ป่วยนอกทันตกรรม โรงพยาบาลสำโรงการแพทย์ โทรศัพท์ 0 - 2361-1111 ต่อ 2237, 2238

ด้วยความปรารถนาดี จากโรงพยาบาลสำโรงการแพทย์